[Fic Attack on Titan] Confession
Pairing : Eren x Levi or Levi x Eren ?
Rate : PG-15
ตอนที่ 1 สารภาพรักและเดทแรก
“พี่รีไวล์...ผมชอบพี่ เป็นแฟนกันไหมครับ”เอเลน เยเกอร์เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีจากโรงเรียนมัธยมปลายฝั่งตรงข้าม เดินมาสารภาพรักกับรีไวล์เด็กมหาลัยปีหนึ่งที่พึ่งเข้าพิธีจบประชุมเชียร์มาหมาดๆ
“...”รีไวล์หน้านิ่ง เหมือนกับยังงงกับคำสารภาพของเด็กตรงหน้า
เอเลนจึงพูดอีกครั้งว่า “ผมชอบพี่ครับ”พอพูดจบแล้วเจ้าตัวก็ก้มหน้านิ่งเพื่อหลบซ่อนอาการเขินอายหน้าแดงของตัวเองที่บัดนี้แดงเถือกไปถึงหู
“นาย...พูดว่าไงนะ”รีไวล์ที่หายจากอาการมึนงงเหมือนจะเริ่มจับใจความได้ จึงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ผมชอบพี่ครับ!! อย่าให้พูดบ่อยได้ไหม แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้ว”เอเลนแหกปากตะโกนปกปิดความเขินของตัวเองก่อนจะบ่นพึมพำเบาๆ แต่คนหูดีอย่างรีไวล์ก็ยังคงได้ยินประโยคนั้นอยู่ดี
“นายบอกว่าชอบฉัน เราเคยรู้จักกันด้วยหรอ เจอหน้ากันยังไม่เคย”รีไวล์พูดเสียงแข็งใส่เอเลน
“ถึงพี่จะบอกว่าเราไม่เคยเจอกัน แต่สำหรับผมเจอหน้าพี่นับครั้งไม่ถ้วนเลยครับ!!”เอเลนพูดเสียงดังฉะฉานและจ้องตารีไวล์ด้วยความแน่วแน่
“...”รีไวล์ที่เผลอสบตากับดวงตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเด็กตรงหน้า ถึงกับต้องเสมองไปทางอื่นเพื่อผิดบังอาการเขินอายของตัวเอง พร้อมกับเม้มปากแน่น
แค่สบตา...หัวใจก็พลันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ
หรือเขาจะเป็นโรคหัวใจกันนะ รีไวล์พยายามคิดหาความหมายของอาการที่เกิดกับหัวใจเมื่อสักครู่ แม้ว่าอันที่จริงเขาจะรู้ก็เถอะ ว่าทำไม
แต่จะให้ยอมรับมันงั้นหรอ ไม่มีทาง!!
“นายก็ให้โอกาสเด็กมันหน่อยสิ”ฮันซี่ที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นพูดโน้มน้าวใจรีไวล์เพื่อนชายคนสนิท
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกถูกชะตากับเด็กนี่ ทั้งๆที่ปกติเธอมักจะเป็นไม้กันหมาตัวเมียที่คิดจะเข้ามาจีบเพื่อนของตัวเอง ทั้งที่บุคลิกภายนอกออกจะเป็นคุณชายแบดบอย แต่ในความเป็นจริงแล้ว รีไวล์เพื่อนชายสมัยอนุบาล...เขาค่อนข้างจะไม่มีประสบการณ์ด้านความรัก เพราะฉะนั้นอาจถูกหลอกได้ง่ายๆ เหมือนกับความรักสมัยม.ต้นตอนนั้น...
อาจจะเป็นเพราะว่ารีไวล์หลบสายตาหมอนี่ล่ะมั้ง...ก็ปกติแล้ว รีไวล์ไม่เคยหลบสายตาใครนี่
“เธอคิดว่างั้นหรอฮันซี่”รีไวล์หันมากระซิบถามฮันซี่ด้วยสีหน้าวิตกกังวล แต่สายตาก็คอยแอบมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“อือ มันก็ไม่เสียหายนี่”ฮันซี่ตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆแต่สายตากับพราวระยิบระยับราวกับจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ เพียงแต่ว่าของเล่นชิ้นใหม่ที่ว่าคือว่าที่แฟนของเพื่อนชายเธอ
“ถ้าเธอว่าอย่างนั้น...ก็ได้”รีไวล์ที่สายตายังคอยลอบมองเอเลนตอบเสียงเบา ก่อนจะแสร้งทำเป็นท่าทีขึงขังใส่เด็กหนุ่มผู้ยังรอคอยในคำตอบ
“นายพูดว่าชอบฉันใช่ไหม”รีไวล์ทำหน้าจริงจังใส่เอเลนก่อนจะถามคำถาม เอเลนไม่ตอบแต่พยักหน้าขึ้นลงอย่างเร็วจนรีไวล์กลัวว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากระดูกคอจะหลุด
“งั้นนายรอได้ใช่ไหม...ตอนนี้เราแค่ดูๆกันก่อน ถ้าเข้ากันได้ค่อยคบ ถ้าเข้ากันไม่ได้คือต่างคนต่างไป โอเคนะ”รีไวล์พูด เอเลนหน้าซีดในประโยคแรก ก่อนที่ริมฝีปากจะหยักยิ้มเมื่อได้ฟังจนจบ
“ได้ครับ!!”เอเลนยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“วันเสาร์นี้พี่ว่างไหมครับ”เอเลนถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
“พี่ไม่ว่าง มีนัดทำโปรเจคกับเพื่อน”รีไวล์ขมวดคิ้วทำหน้าเครียดใส่เอเลน จากที่เคยได้ยินพวกผู้หญิงพูดกัน เขาบอกว่าเดทแรกสำคัญมาก แต่นัดเดทครั้งแรกที่ถูกชวนเขากลับไม่ว่างเสียอย่างนั้น ความสัมพันธ์จะไปรอดไหมเนี่ย...
เอเลนเสียใจเล็กน้อยที่การนัดเดทครั้งแรก รีไวล์กลับไม่ว่าง แต่ก็ดีใจที่รีไวล์เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจากฉันเป็นพี่แล้ว บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ค่อยๆพัฒนาไปทีละนิด ทีละนิด
“รีไวล์แล้วก็นายน่ะ วันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะวันนี้มีนัดกับแฟน”ฮันซี่ที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากพูดออกมา ก่อนจะพูดบอกลารีไวล์และเดินผ่านเอเลนไป
‘ฉันเปิดโอกาสให้แล้วนะ เดทแรกหลังเลิกเรียน ขอให้สนุก’นี่คือประโยคที่ฮันซี่พูดกับเอเลน เอเลนยิ้มแก้มปริที่เพื่อนคนที่เขาชอบเปิดโอกาสให้
“แฟน...เธอมีแฟนกับเขาด้วยหรอ ฮันซี่!!”รีไวล์ตีหน้านิ่งพยายามวิเคราะห์คำพูดของฮันซี่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของตนอยู่กับตนแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง จะไปหาแฟนมาจากไหน...
รีไวล์ยืนทึ้งหัวตัวเองด้วยความไม่เข้าใจเพื่อนสาวต่างกับเอเลนที่คิดว่าครั้งหน้าจะขอบคุณพี่สาวคนนั้นยังไง และเดทครั้งนี้จะไปไหนดี...
“พี่รีไวล์ครับ เอ่อ..พี่รีบไหมครับ ถ้าไม่รีบ ไปเดทกันไหมครับ”เอเลนทำสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์ใส่รีไวล์
“เอ่อ...ก็ได้ วันนี้พี่ว่าง ก็ยัยนั่นมันทิ้งพี่ไปแล้ว”รีไวล์บ่น ก่อนจะเดินมายืนข้างเอเลน
“ถึงพี่สาวคนนั้นจะทิ้งพี่ แต่ผมคนนี้ไม่มีทางทิ้งพี่แน่นอนครับ”เอเลนยิ้มสว่างไสวกว่าที่เคย พร้อมกับหยอดมุกเสี่ยวใส่คนข้างตัวที่ตอนนี้ยืนหันหน้าหนี
“ไปไหนกันดีครับพี่”เอเลนรีบพูดเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ก่อนการเดทครั้งนี้จะเป็นเดทใบ้เพราะรีไวล์ไม่ยอมคุยกับเขา
“ไปไหนก็ได้ตามใจนาย ว่าแต่...”รีไวล์หันหน้ากลับมาตอบคำถาม ก่อนจะพูดอึกอักถามคำถามเอเลน “นายชื่ออะไรนะ” พูดจบก็เงยหน้ามองคนข้างๆด้วยแววตารู้สึกผิด ที่ตกลงดูใจกันแต่ไม่ทันได้ถามชื่อ...
เอเลนที่ยังคงยิ้มจากการหยอดมุกเสี่ยวใส่รีไวล์เมื่อสักครู่รู้สึกเหมือนว่าคิ้วตัวเองจะกระตุก
“ผมชื่อเอเลนครับ เอเลน เยเกอร์”
“เอ่อ พี่ชื่อรีไวล์นะ”รีไวล์แนะนำชื่อตัวเองแก้เก้อ
“ผมรู้แล้วครับ”เอเลนตอบเบาๆ แต่คนหูดีอย่างรีไวล์ก็ยังได้ยินอยู่ดี...
“เอเลนนายสูงเท่าไหร่”รีไวล์ที่ยืนข้างเอเลนถามก่อนจะใช้มือวัดขนาดส่วนสูงของตัวเองเทียบกับเอเลน
รีไวล์สูงน้อยกว่าเอเลนตั้งหนึ่งฝ่ามือ...
“ผมสูง 177 ครับ พี่รีไวล์ล่ะ”
“พี่สูง 160 กว่าๆ...”รีไวล์ตอบหน้านิ่ง ก่อนจะทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “เอเลน ทำไมนายสูงล่ะ” รีไวล์เงยหน้าถาม
“คงเป็นเพราะตอนเด็กๆแม่ผมให้ดื่มนมทุกวันน่ะครับ”เอเลนตอบยิ้มๆ
“งั้นหรอ นมงั้นหรอ...ไม่อร่อย!”รีไวล์ทำปากเชิดใส่เอเลน “แล้วตกลงไปเดทที่ไหนกันดี” รีไวล์ถามต่อด้วยใบหน้าเขินอาย
“อืม...งั้นเราเดินไปเรื่อยๆดีไหมครับ”เอเลนเสนอ
“ก็เอาสิ ไหนๆก็เดทแรกทั้งที ค่อยๆศึกษากันและกันดีกว่าเนอะ”รีไวล์หันมายิ้มให้เอเลน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เอเลนรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองจะเต้นรัวราวกับเสียงกลองเพียงแค่รอยยิ้มของคนข้างๆ ระหว่างที่กำลังคิดมือเรียวก็เอื้อมไปกอบกุมมือของคนข้างกายไว้โดยที่ไม่รู้ตัว เหมือนกับปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายที่ว่า ไม่อยากให้ห่าง
รีไวล์ที่เดินอยู่โดนจับมือแบบไม่ทันรู้ตัว แว้บแรกที่โดนสัมผัสเขาเกือบจะสะบัดมือออกแต่เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือของฝ่ายตรงข้าม หน้าพลันกลายเป็นสีแดงปลั่งราวกับมะเขือเทศ ความอบอุ่นแบบนี้ เขาไม่ได้รับมันมานานแค่ไหนแล้วนะ..
“เอเลนนน! เอาตัวนั้น!!”เสียงผู้ชายในชุดนักศึกษาแหกปากโวยวายอยู่ข้างเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดมัธยมปลาย เขาคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากรีไวล์ที่กำลังดูใจอยู่กับเอเลนในขณะนี้
“...”เอเลนกำลังใช้สมาธิอย่างสูงมากในการบังคบที่คีบให้ไปตรงกับตุ๊กตาที่ผู้ชายร่างเล็กข้างๆเขาต้องการ
จากการเดท เดินจับมือกันไปตามทางเรื่อยๆกลายมาเป็นจบลงอยู่ที่เกมเซนเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาทั้งสองบัดนี้เงินในกระเป๋าเหลือไม่ถึงร้อย บางทีถ้ายังอยู่นานไปกว่านี้เงินค่ารถคงไม่เหลือ
“เอเลนทำไมคีบไม่ได้ล่ะ”รีไวล์บ่นใส่เอเลนที่ไม่สามารถคีบตุ๊กตาที่เขาต้องการได้ ถึงแม้ว่าในมือจะมีตุ๊กตาอยู่แล้วถึงสามตัวด้วยกัน...
“ขอโทษครับ เดี๋ยวเลียงไอศกรีมแทนนะ”เอเลนยกสองมือขึ้นมาประกบกันเป็นเชิงอ้อนวอน
“ก็ได้ แต่ถึงยังไงก็อยากได้ตัวนั้นอยู่ดี”รีไวล์ตอบตกลงแต่ก็ยังไม่วายพูดถึงตุ๊กตาที่เขาอยากได้
“ทำไมถึงอยากได้ขนาดนั้นล่ะครับ”เอเลนถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรนี่”รีไวล์ตอบยิ้มๆ
“ให้ผมช่วยถือไหมครับ”เอเลนอาสาช่วยถือตุ๊กตา แต่กลับถูกสายตาดุๆของรีไวล์ห้ามปราม
เดทแรกครั้งนี้เอเลนได้รู้เรื่องเกี่ยวกับรีไวล์มาสามอย่าง
1.รีไวล์น่ารักมาก
2.รีไวล์น่ารักมากๆ
3.รีไวล์น่ารักมากๆๆ
อ่า...
เดทครั้งนี้เขาเห็นแค่เพียงความน่ารักของรีไวล์ คนที่กำลังคบหาดูใจกันกับเขาเท่านั้นเอง มันอาจจะเรียกอาการนี้ว่า ‘เห่อรีไวล์’ ก็เป็นได้…
Rrrrr.
เสียงริงโทนโทรศัพท์ของเอเลนดังขึ้นขัดความคิดสุดบรรเจิดของเจ้าตัว
“ขออนุญาตครับพี่รีไวล์”เอเลนพูดก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์
“...”รีไวล์เงียบใส่เพราะความคิดอันแสนจะผิดปกติของตัวเองทำเอาเขาถึงกับอึน ‘แค่รับโทรศัพท์ทำไมต้องขออนุญาต แค่คุยโทรศัพท์ทำไมต้องเดินเลี่ยงด้วย!!’
ถึงแม้ว่าในใจลึกๆจะรู้ความหมายของความรู้สึก เพราะโดนพวกผู้หญิงพูดกรอกหูให้ฟังบ่อยๆ
ความรู้สึกที่เรียกว่าหึง รีไวล์ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะตอนนี้ความสัมพันธ์คือดูใจ ยังไม่ทันไรก็หึงเอเลน เยเกอร์ไปซะแล้ว...
หึงกับโทรศัพท์ด้วยนะ
อนาคตของรีไวล์และความสัมพันธ์กับเอเลน จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ยังไม่รู้
แต่ไอ้ความรู้สึกที่เรียกว่าหึงหวงนี่มัน...
น่ากลัวจริงๆ
“ขอโทษที่ออกไปคุยโทรศัพท์นะครับ คนที่บ้านโทรมาตามให้กลับไปกินสตูน่ะครับ”เอเลนเดินยิ้มแห้งเข้ามาหารีไวล์ที่ทำหน้านิ่ง
“งั้นก็รีบกลับไปสิ”รีไวล์พูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
“ไม่ครับ ผมติดสัญญาเลี้ยงไอศกรีมพี่อยู่ ไปกินกันเถอะนะครับ”เอเลนทำสีหน้าอ้อนวอน
“ไม่เป็นไร...”รีไวล์ตอบปฏิเสธ ทำเอาเอเลนถึงกับจ๋อยไปภายในชั่วพริบตา “ไว้เดทครั้งหน้า นายค่อยเลี้ยงไอศกรีมพี่ก็ได้” ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มร่าเริงเมื่อได้ฟังจนจบประโยค
“งั้นเดทครั้งหน้า เรามากินไอศกรีมกันนะครับ มาครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”เอเลนยิ้มก่อนจะแย่งตุ๊กตาในมือซ้ายเอเลนไปถือและใช้มือขวาของตัวเองเข้าไปแทนที่เจ้าตุ๊กตาตัวนั้น
สองมือที่กอบกุมกันไประหว่างทางผลัดกันส่งมอบความอบอุ่นผ่านทางฝ่ามือให้แก่กันและกัน ถึงแม้การเดินทางกลับร่วมกันครั้งนี้จะไม่มีคำพูดใดๆ เพียงแต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของคนทั้งสอง ก็พอจะบอกได้เป็นอย่างดี
ว่ามีความสุขมากเพียงใด
Pairing : Eren x Levi or Levi x Eren ?
Rate : PG-15
ตอนที่ 1 สารภาพรักและเดทแรก
“พี่รีไวล์...ผมชอบพี่ เป็นแฟนกันไหมครับ”เอเลน เยเกอร์เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีจากโรงเรียนมัธยมปลายฝั่งตรงข้าม เดินมาสารภาพรักกับรีไวล์เด็กมหาลัยปีหนึ่งที่พึ่งเข้าพิธีจบประชุมเชียร์มาหมาดๆ
“...”รีไวล์หน้านิ่ง เหมือนกับยังงงกับคำสารภาพของเด็กตรงหน้า
เอเลนจึงพูดอีกครั้งว่า “ผมชอบพี่ครับ”พอพูดจบแล้วเจ้าตัวก็ก้มหน้านิ่งเพื่อหลบซ่อนอาการเขินอายหน้าแดงของตัวเองที่บัดนี้แดงเถือกไปถึงหู
“นาย...พูดว่าไงนะ”รีไวล์ที่หายจากอาการมึนงงเหมือนจะเริ่มจับใจความได้ จึงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ผมชอบพี่ครับ!! อย่าให้พูดบ่อยได้ไหม แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้ว”เอเลนแหกปากตะโกนปกปิดความเขินของตัวเองก่อนจะบ่นพึมพำเบาๆ แต่คนหูดีอย่างรีไวล์ก็ยังคงได้ยินประโยคนั้นอยู่ดี
“นายบอกว่าชอบฉัน เราเคยรู้จักกันด้วยหรอ เจอหน้ากันยังไม่เคย”รีไวล์พูดเสียงแข็งใส่เอเลน
“ถึงพี่จะบอกว่าเราไม่เคยเจอกัน แต่สำหรับผมเจอหน้าพี่นับครั้งไม่ถ้วนเลยครับ!!”เอเลนพูดเสียงดังฉะฉานและจ้องตารีไวล์ด้วยความแน่วแน่
“...”รีไวล์ที่เผลอสบตากับดวงตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเด็กตรงหน้า ถึงกับต้องเสมองไปทางอื่นเพื่อผิดบังอาการเขินอายของตัวเอง พร้อมกับเม้มปากแน่น
แค่สบตา...หัวใจก็พลันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ
หรือเขาจะเป็นโรคหัวใจกันนะ รีไวล์พยายามคิดหาความหมายของอาการที่เกิดกับหัวใจเมื่อสักครู่ แม้ว่าอันที่จริงเขาจะรู้ก็เถอะ ว่าทำไม
แต่จะให้ยอมรับมันงั้นหรอ ไม่มีทาง!!
“นายก็ให้โอกาสเด็กมันหน่อยสิ”ฮันซี่ที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นพูดโน้มน้าวใจรีไวล์เพื่อนชายคนสนิท
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกถูกชะตากับเด็กนี่ ทั้งๆที่ปกติเธอมักจะเป็นไม้กันหมาตัวเมียที่คิดจะเข้ามาจีบเพื่อนของตัวเอง ทั้งที่บุคลิกภายนอกออกจะเป็นคุณชายแบดบอย แต่ในความเป็นจริงแล้ว รีไวล์เพื่อนชายสมัยอนุบาล...เขาค่อนข้างจะไม่มีประสบการณ์ด้านความรัก เพราะฉะนั้นอาจถูกหลอกได้ง่ายๆ เหมือนกับความรักสมัยม.ต้นตอนนั้น...
อาจจะเป็นเพราะว่ารีไวล์หลบสายตาหมอนี่ล่ะมั้ง...ก็ปกติแล้ว รีไวล์ไม่เคยหลบสายตาใครนี่
“เธอคิดว่างั้นหรอฮันซี่”รีไวล์หันมากระซิบถามฮันซี่ด้วยสีหน้าวิตกกังวล แต่สายตาก็คอยแอบมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“อือ มันก็ไม่เสียหายนี่”ฮันซี่ตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆแต่สายตากับพราวระยิบระยับราวกับจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ เพียงแต่ว่าของเล่นชิ้นใหม่ที่ว่าคือว่าที่แฟนของเพื่อนชายเธอ
“ถ้าเธอว่าอย่างนั้น...ก็ได้”รีไวล์ที่สายตายังคอยลอบมองเอเลนตอบเสียงเบา ก่อนจะแสร้งทำเป็นท่าทีขึงขังใส่เด็กหนุ่มผู้ยังรอคอยในคำตอบ
“นายพูดว่าชอบฉันใช่ไหม”รีไวล์ทำหน้าจริงจังใส่เอเลนก่อนจะถามคำถาม เอเลนไม่ตอบแต่พยักหน้าขึ้นลงอย่างเร็วจนรีไวล์กลัวว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากระดูกคอจะหลุด
“งั้นนายรอได้ใช่ไหม...ตอนนี้เราแค่ดูๆกันก่อน ถ้าเข้ากันได้ค่อยคบ ถ้าเข้ากันไม่ได้คือต่างคนต่างไป โอเคนะ”รีไวล์พูด เอเลนหน้าซีดในประโยคแรก ก่อนที่ริมฝีปากจะหยักยิ้มเมื่อได้ฟังจนจบ
“ได้ครับ!!”เอเลนยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“วันเสาร์นี้พี่ว่างไหมครับ”เอเลนถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
“พี่ไม่ว่าง มีนัดทำโปรเจคกับเพื่อน”รีไวล์ขมวดคิ้วทำหน้าเครียดใส่เอเลน จากที่เคยได้ยินพวกผู้หญิงพูดกัน เขาบอกว่าเดทแรกสำคัญมาก แต่นัดเดทครั้งแรกที่ถูกชวนเขากลับไม่ว่างเสียอย่างนั้น ความสัมพันธ์จะไปรอดไหมเนี่ย...
เอเลนเสียใจเล็กน้อยที่การนัดเดทครั้งแรก รีไวล์กลับไม่ว่าง แต่ก็ดีใจที่รีไวล์เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจากฉันเป็นพี่แล้ว บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ค่อยๆพัฒนาไปทีละนิด ทีละนิด
“รีไวล์แล้วก็นายน่ะ วันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะวันนี้มีนัดกับแฟน”ฮันซี่ที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากพูดออกมา ก่อนจะพูดบอกลารีไวล์และเดินผ่านเอเลนไป
‘ฉันเปิดโอกาสให้แล้วนะ เดทแรกหลังเลิกเรียน ขอให้สนุก’นี่คือประโยคที่ฮันซี่พูดกับเอเลน เอเลนยิ้มแก้มปริที่เพื่อนคนที่เขาชอบเปิดโอกาสให้
“แฟน...เธอมีแฟนกับเขาด้วยหรอ ฮันซี่!!”รีไวล์ตีหน้านิ่งพยายามวิเคราะห์คำพูดของฮันซี่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของตนอยู่กับตนแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง จะไปหาแฟนมาจากไหน...
รีไวล์ยืนทึ้งหัวตัวเองด้วยความไม่เข้าใจเพื่อนสาวต่างกับเอเลนที่คิดว่าครั้งหน้าจะขอบคุณพี่สาวคนนั้นยังไง และเดทครั้งนี้จะไปไหนดี...
“พี่รีไวล์ครับ เอ่อ..พี่รีบไหมครับ ถ้าไม่รีบ ไปเดทกันไหมครับ”เอเลนทำสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์ใส่รีไวล์
“เอ่อ...ก็ได้ วันนี้พี่ว่าง ก็ยัยนั่นมันทิ้งพี่ไปแล้ว”รีไวล์บ่น ก่อนจะเดินมายืนข้างเอเลน
“ถึงพี่สาวคนนั้นจะทิ้งพี่ แต่ผมคนนี้ไม่มีทางทิ้งพี่แน่นอนครับ”เอเลนยิ้มสว่างไสวกว่าที่เคย พร้อมกับหยอดมุกเสี่ยวใส่คนข้างตัวที่ตอนนี้ยืนหันหน้าหนี
“ไปไหนกันดีครับพี่”เอเลนรีบพูดเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ก่อนการเดทครั้งนี้จะเป็นเดทใบ้เพราะรีไวล์ไม่ยอมคุยกับเขา
“ไปไหนก็ได้ตามใจนาย ว่าแต่...”รีไวล์หันหน้ากลับมาตอบคำถาม ก่อนจะพูดอึกอักถามคำถามเอเลน “นายชื่ออะไรนะ” พูดจบก็เงยหน้ามองคนข้างๆด้วยแววตารู้สึกผิด ที่ตกลงดูใจกันแต่ไม่ทันได้ถามชื่อ...
เอเลนที่ยังคงยิ้มจากการหยอดมุกเสี่ยวใส่รีไวล์เมื่อสักครู่รู้สึกเหมือนว่าคิ้วตัวเองจะกระตุก
“ผมชื่อเอเลนครับ เอเลน เยเกอร์”
“เอ่อ พี่ชื่อรีไวล์นะ”รีไวล์แนะนำชื่อตัวเองแก้เก้อ
“ผมรู้แล้วครับ”เอเลนตอบเบาๆ แต่คนหูดีอย่างรีไวล์ก็ยังได้ยินอยู่ดี...
“เอเลนนายสูงเท่าไหร่”รีไวล์ที่ยืนข้างเอเลนถามก่อนจะใช้มือวัดขนาดส่วนสูงของตัวเองเทียบกับเอเลน
รีไวล์สูงน้อยกว่าเอเลนตั้งหนึ่งฝ่ามือ...
“ผมสูง 177 ครับ พี่รีไวล์ล่ะ”
“พี่สูง 160 กว่าๆ...”รีไวล์ตอบหน้านิ่ง ก่อนจะทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “เอเลน ทำไมนายสูงล่ะ” รีไวล์เงยหน้าถาม
“คงเป็นเพราะตอนเด็กๆแม่ผมให้ดื่มนมทุกวันน่ะครับ”เอเลนตอบยิ้มๆ
“งั้นหรอ นมงั้นหรอ...ไม่อร่อย!”รีไวล์ทำปากเชิดใส่เอเลน “แล้วตกลงไปเดทที่ไหนกันดี” รีไวล์ถามต่อด้วยใบหน้าเขินอาย
“อืม...งั้นเราเดินไปเรื่อยๆดีไหมครับ”เอเลนเสนอ
“ก็เอาสิ ไหนๆก็เดทแรกทั้งที ค่อยๆศึกษากันและกันดีกว่าเนอะ”รีไวล์หันมายิ้มให้เอเลน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เอเลนรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองจะเต้นรัวราวกับเสียงกลองเพียงแค่รอยยิ้มของคนข้างๆ ระหว่างที่กำลังคิดมือเรียวก็เอื้อมไปกอบกุมมือของคนข้างกายไว้โดยที่ไม่รู้ตัว เหมือนกับปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายที่ว่า ไม่อยากให้ห่าง
รีไวล์ที่เดินอยู่โดนจับมือแบบไม่ทันรู้ตัว แว้บแรกที่โดนสัมผัสเขาเกือบจะสะบัดมือออกแต่เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือของฝ่ายตรงข้าม หน้าพลันกลายเป็นสีแดงปลั่งราวกับมะเขือเทศ ความอบอุ่นแบบนี้ เขาไม่ได้รับมันมานานแค่ไหนแล้วนะ..
“เอเลนนน! เอาตัวนั้น!!”เสียงผู้ชายในชุดนักศึกษาแหกปากโวยวายอยู่ข้างเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดมัธยมปลาย เขาคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากรีไวล์ที่กำลังดูใจอยู่กับเอเลนในขณะนี้
“...”เอเลนกำลังใช้สมาธิอย่างสูงมากในการบังคบที่คีบให้ไปตรงกับตุ๊กตาที่ผู้ชายร่างเล็กข้างๆเขาต้องการ
จากการเดท เดินจับมือกันไปตามทางเรื่อยๆกลายมาเป็นจบลงอยู่ที่เกมเซนเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาทั้งสองบัดนี้เงินในกระเป๋าเหลือไม่ถึงร้อย บางทีถ้ายังอยู่นานไปกว่านี้เงินค่ารถคงไม่เหลือ
“เอเลนทำไมคีบไม่ได้ล่ะ”รีไวล์บ่นใส่เอเลนที่ไม่สามารถคีบตุ๊กตาที่เขาต้องการได้ ถึงแม้ว่าในมือจะมีตุ๊กตาอยู่แล้วถึงสามตัวด้วยกัน...
“ขอโทษครับ เดี๋ยวเลียงไอศกรีมแทนนะ”เอเลนยกสองมือขึ้นมาประกบกันเป็นเชิงอ้อนวอน
“ก็ได้ แต่ถึงยังไงก็อยากได้ตัวนั้นอยู่ดี”รีไวล์ตอบตกลงแต่ก็ยังไม่วายพูดถึงตุ๊กตาที่เขาอยากได้
“ทำไมถึงอยากได้ขนาดนั้นล่ะครับ”เอเลนถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรนี่”รีไวล์ตอบยิ้มๆ
“ให้ผมช่วยถือไหมครับ”เอเลนอาสาช่วยถือตุ๊กตา แต่กลับถูกสายตาดุๆของรีไวล์ห้ามปราม
เดทแรกครั้งนี้เอเลนได้รู้เรื่องเกี่ยวกับรีไวล์มาสามอย่าง
1.รีไวล์น่ารักมาก
2.รีไวล์น่ารักมากๆ
3.รีไวล์น่ารักมากๆๆ
อ่า...
เดทครั้งนี้เขาเห็นแค่เพียงความน่ารักของรีไวล์ คนที่กำลังคบหาดูใจกันกับเขาเท่านั้นเอง มันอาจจะเรียกอาการนี้ว่า ‘เห่อรีไวล์’ ก็เป็นได้…
Rrrrr.
เสียงริงโทนโทรศัพท์ของเอเลนดังขึ้นขัดความคิดสุดบรรเจิดของเจ้าตัว
“ขออนุญาตครับพี่รีไวล์”เอเลนพูดก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์
“...”รีไวล์เงียบใส่เพราะความคิดอันแสนจะผิดปกติของตัวเองทำเอาเขาถึงกับอึน ‘แค่รับโทรศัพท์ทำไมต้องขออนุญาต แค่คุยโทรศัพท์ทำไมต้องเดินเลี่ยงด้วย!!’
ถึงแม้ว่าในใจลึกๆจะรู้ความหมายของความรู้สึก เพราะโดนพวกผู้หญิงพูดกรอกหูให้ฟังบ่อยๆ
ความรู้สึกที่เรียกว่าหึง รีไวล์ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะตอนนี้ความสัมพันธ์คือดูใจ ยังไม่ทันไรก็หึงเอเลน เยเกอร์ไปซะแล้ว...
หึงกับโทรศัพท์ด้วยนะ
อนาคตของรีไวล์และความสัมพันธ์กับเอเลน จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ยังไม่รู้
แต่ไอ้ความรู้สึกที่เรียกว่าหึงหวงนี่มัน...
น่ากลัวจริงๆ
“ขอโทษที่ออกไปคุยโทรศัพท์นะครับ คนที่บ้านโทรมาตามให้กลับไปกินสตูน่ะครับ”เอเลนเดินยิ้มแห้งเข้ามาหารีไวล์ที่ทำหน้านิ่ง
“งั้นก็รีบกลับไปสิ”รีไวล์พูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
“ไม่ครับ ผมติดสัญญาเลี้ยงไอศกรีมพี่อยู่ ไปกินกันเถอะนะครับ”เอเลนทำสีหน้าอ้อนวอน
“ไม่เป็นไร...”รีไวล์ตอบปฏิเสธ ทำเอาเอเลนถึงกับจ๋อยไปภายในชั่วพริบตา “ไว้เดทครั้งหน้า นายค่อยเลี้ยงไอศกรีมพี่ก็ได้” ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มร่าเริงเมื่อได้ฟังจนจบประโยค
“งั้นเดทครั้งหน้า เรามากินไอศกรีมกันนะครับ มาครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”เอเลนยิ้มก่อนจะแย่งตุ๊กตาในมือซ้ายเอเลนไปถือและใช้มือขวาของตัวเองเข้าไปแทนที่เจ้าตุ๊กตาตัวนั้น
สองมือที่กอบกุมกันไประหว่างทางผลัดกันส่งมอบความอบอุ่นผ่านทางฝ่ามือให้แก่กันและกัน ถึงแม้การเดินทางกลับร่วมกันครั้งนี้จะไม่มีคำพูดใดๆ เพียงแต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของคนทั้งสอง ก็พอจะบอกได้เป็นอย่างดี
ว่ามีความสุขมากเพียงใด